
ในยุคที่เทรนด์สุขภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลายคนหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น “ฟิตเนส” กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการออกกำลังกายที่เข้าถึงได้ง่าย การเปิดธุรกิจฟิตเนสถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มาแรงและมีโอกาสเติบโตสูง
แต่ก่อนจะเริ่มลงทุนในเครื่องออกกำลังกายราคาแพง สิ่งที่เจ้าของฟิตเนสมือใหม่ควรรู้คือ เครื่องออกกำลังกายมีหลายประเภท และแต่ละประเภทตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มต่างกัน บทความนี้จะพามารู้จัก ประเภทของเครื่องออกกำลังกายที่ควรมีในฟิตเนส พร้อมแนวทางการเลือกซื้อและจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะกับงบประมาณและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
การเข้าใจประเภทเครื่องออกกำลังกายช่วยให้คุณสามารถวางแผนธุรกิจก่อนเริ่มต้นลงทุนจริงๆ เพราะหัวใจหลักของธุรกิจฟิตเนส ก็คือ การเลือกซื้อเครื่องออกกำลังกายที่สมาชิกฟิตเนสจะสามารถมาใช้งานได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
การวางแผนงบประมาณก่อนการจัดซื้อ เนื่องจากเครื่องออกกำลังกายแต่ละประเภทมีหลากหลายราคาต่างกัน
สามารถออกแบบ Layout ในการจัดวางเครื่องออกกำลังกายในฟิตเนสก่อนจะนำเครื่องมาติดตั้งจริง
กำหนด Position ของฟิตเนสได้ชัด เช่น “ฟิตเนสลดน้ำหนัก” หรือ “ฟิตเนสเทรนนิ่งจริงจัง”
และยังช่วยในการวางกลยุทธ์การตลาด เช่น โปรโมท Group Class หรือคอร์สเทรนเนอร์เป็นหลัก
อันดับแรกเลยต้องแนะนำให้ทุกคนเข้าใจกันก่อนว่า อุปกรณ์ในฟิตเนสมักจะแบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆ
เครื่องออกกำลังกายในรูปแบบคาดิโอ (Cardio) ช่วยการออกกำลังกายในรูปแบบแอโรบิค
เครื่องออกกำลังกายในรูปแบบเวทเทรนนิ่ง (Strength) เป็นการใช้แรงต้านเพื่อบริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และ เพิ่มขนาดกล้ามเนื้อให้ใหญ่ขึ้น
เครื่องออกกำลังกายเฉพาะทาง หรือ อุปกรณ์เสริมในฟิตเนส (Free Weights & Accessories)
%2520(1).jpg?alt=media&token=f9ffe9b9-7763-4467-aa39-2ee3416dad98)
ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) เป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิค ช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนของเลือด และปอด ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง ซึ่งยิ่งระบบไหลเวียนดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งพาเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายดีขึ้นเท่านั้น รวมถึงเป็นการนำพาสารอาหารชนิดต่างๆไปยังเซลล์ปลายทางได้ดีขึ้นด้วย นอกเหนือจากนั้นยังช่วยในเรื่องของการเผาผลาญแคลอรี่และช่วยในการลดน้ำหนักได้อีกด้วย
ตัวอย่างเครื่องออกกำลังกายในรูปแบบ Cardio
ลู่วิ่งไฟฟ้า (Treadmill)
เครื่องเดินวงรี (Elliptical)
ลูกบอลโยคะ (Exercise Ball)
จักรยานออกกำลังกายสปินไบค์ (Spin Bike)
จักรยานออกกำลังกายแบบนั่งปั่น (Upright Bike)
จักรยานออกกำลังกายแบบเอนปั่น (Recumbent Bike)
ประโยชน์ของการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio)
ลดน้ำหนัก หากควบคุมอาหารและออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอร่วมด้วยอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที จะช่วยให้ลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น
เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายและจิตใจ หากออกกำลังกายในรูปแบบคาร์ดิโออย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดอาการอ่อนเพลียลงได้ และรู้สึกแข็งแรงมากขึ้น เช่นเดียวกันกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต เมื่อได้ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอแล้ว จะสามารถช่วยให้จิตใจผ่อนคลายและรู้สึกสดชื่นขึ้น
ลดความเสี่ยงและช่วยควบคุมเรื่องปัญหาสุขภาพ การออกกำลังกายรูปแบบคาร์ดิโออย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพอย่าง โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคความดันโลหิต ทั้งยังช่วยควบคุมระดับความดันโหหิต ระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น
.jpg?alt=media&token=3baf376b-a771-4fdb-bf66-3be2b2b4f443)
หรือที่หลายๆ คนมักจะเรียกว่า Weight Training เป็นการใช้แรงต้านเพื่อบริหารกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และ เพิ่มขนาดกล้ามเนื้อให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งท่าออกกำลังกายแต่ละท่า ก็จะมีผลต่อกล้ามเนื้อแต่ละส่วนที่แตกต่างกันไป
ตัวอย่างเครื่องออกกำลังกายในรูปแบบฝึกกล้ามเนื้อ (Strength)
เครื่องสมิธ (Smith Machine) คือ เครื่องออกกำลังกายที่เป็นบาร์เบลยึดติดกับโครสร้างรางเหล็กในแนวตั้ง เพื่อสามารถล็อคตำแหน่งช่วยป้องกันไม่ให้น้ำหนักตกใส่ผู้ออกกำลังกาย และยังสามารถออกได้หลายท่าฝึก เช่น ท่าสควอท, เดดลิฟท์, ยกน้ำหนัก
ดัมเบล (Dumbbells)
บาร์เบล (Barbell)
เครื่องบริหารกล้ามเนื้ออก (Pec Deck Fly Machine)
เครื่องบริหารกล้ามเนื้อหลัง (Lat Pulldown Station)
เครื่องบริหารกล้ามเนื้อขา (Leg Press Machine)
เครื่องบริหารกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน (T-Bar Row Machine)
ช่วยในการลดน้ำหนัก การออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อ สามารถทำให้รูปร่างดูดีขึ้นได้ และยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เมื่อมีกล้ามเนื้อมากขึ้นจะช่วยให้การเผาผลาญแคลอรี่มากขึ้นถึงแม้จะไม่ได้ออกกำลังกาย
ป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและกระดูก เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและกระดูก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการทรงตัวไม่ดี เคลื่อนไหวลำบาก การออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้อ จะช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและกระดูกที่เกิดขึ้นตามช่วงอายุที่เปลี่ยนไป ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนอีกด้วย
%2520(1).jpg?alt=media&token=1fbb9d22-7357-47b7-be75-5b5d60719ed5)
เครื่องกลุ่มนี้ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ฟิตเนสให้ “พรีเมียม” และมีความหลากหลายในการออกกำลังกาย สร้างจุดแตกต่างจากคู่แข่งของฟิตเนส
ตัวอย่างเครื่องเสริม:
Functional Trainer / Multi Station สำหรับฟิตเนสที่จัดโปรแกรม Functional Training
Kettlebell / Battle Rope สำหรับโซน CrossFit
เครื่องฝึกแกนกลางลำตัว (Core Trainer) เช่น Ab Crunch, Plank Board
ลูกบอลโยคะ / เสื่อยาง สำหรับคลาสโยคะ พิลาทิส เพิ่มความยืดหยุ่น ความคล่องตัว
วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายก่อนลงทุน
ถ้าคุณเปิดฟิตเนสที่เปิดตาม Location ที่เป็นกลุ่มทำงาน หรือใกล้ออฟฟิศ สถานที่ทำงานเป็นหลัก ให้เริ่มลงทุนเครื่อง Cardio มากหน่อย เพราะใช้งานง่ายที่สุด คุ้มทุนเร็ว มีการใช้งานหมุนเวียนตลอด และใช้ได้กับทุกเพศทุกวัย
ถ้าฟิตเนสของคุณเป็นสายเทรนนิ่งจริงจัง การเพิ่มเครื่อง Strength ให้ครบกล้ามเนื้อหลักให้ครบทุกส่วน รวมถึงพื้นที่สำหรับ Free Weights ให้สมาชิกได้ใช้งานทั่วถึง
ฟิตเนสที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งชุมชน การมี Group Class เข้าเสริม อย่าง Zumba Dance, Body Pump, Yoga ก็สามารถดึงดูดให้เข้ามาสมัครสมาชิกฟิตเนสเพิ่มขึ้นได้ แต่ต้องแลกมากับพื้นที่สำหรับการจัด Group Class ด้วย
คำนวณพื้นที่ใช้งาน (Space Planning)
พื้นที่ 100 ตร.ม. ควรมีเครื่องหลักอย่างน้อย 10–15 เครื่อง
อย่าลืมเผื่อพื้นที่โซนเทรนกลุ่ม หรือมุม Trainer Desk
เลือกเครื่องที่มีการรับประกัน และบริการหลังการขายชัดเจน
เจ้าของฟิตเนสไม่เพียงต้องคิดถึงราคาซื้อครั้งแรก แต่ต้องคำนึงถึง ความคงทน ความปลอดภัย และการซ่อมบำรุงในระยะยาว ด้วย เพราะอุปกรณ์ฟิตเนสมีการใช้งานหนักทุกวัน
%2520(1).jpg?alt=media&token=2c227ad5-4b1c-47ea-9bd6-e153865d16df)
เมื่อฟิตเนสของคุณมีเครื่องครบแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ “บริหารจัดการ” ให้มีประสิทธิภาพ เพราะการมีเครื่องออกกำลังกายเยอะ มีสมาชิกเข้าใช้งานวนเวียนตลอด แต่ขาดระบบติดตามสมาชิก และยอดขาย จะทำให้ต้นทุนบานปลาย ไม่เห็นกำไรที่แท้จริง ระบบบริหารจัดการฟิตเนสอย่าง FitUp คือ ผู้ช่วยที่เจ้าของฟิตเนสยุคใหม่ควรมี
ระบบจัดการสมาชิก / แพ็กเกจ / ยอดขายในที่เดียว
ระบบจัดการคลาส / เทรนนิ่ง / สินค้า / ใบเสร็จ
สมาชิกจองคลาส จองเทรนส่วนตัว ผ่าน LINE OA โดยไม่ต้องโหลดแอป
แอปเทรนเนอร์ (Trainer Mobile App) สำหรับจัดตารางและติดตามลูกค้าของเทรนเนอร์
Dashboard วิเคราะห์ข้อมูลการขาย ทำให้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
จะเห็นได้ว่า “เครื่องออกกำลังกาย” เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความสำเร็จของฟิตเนส อีกครึ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งให้ธุรกิจฟิตเนสเติบโตอย่างยั่งยืน คือ ระบบบริหารจัดการฟิตเนสที่ครบวงจรที่ทำให้ทุกอย่างไหลลื่น และพร้อมเติบโต เพราะต่อให้มีอุปกรณ์ทันสมัยแค่ไหน ถ้าหลังบ้านยังทำงานแบบแมนนวล ก็ยากจะขยายสาขาหรือดูแลลูกค้าได้ครบถ้วน
ในยุคที่การแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน การมีระบบบริหารจัดการฟิตเนสที่ครบวงจร จึงเป็นเหมือนผู้ช่วยมือขวาที่ทำให้ฟิตเนสของคุณก้าวทันเทคโนโลยี และพร้อมให้บริการอย่างมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
สำหรับใครที่สนใจ หรือกำลังคิดจะเปิดฟิตเนสของตัวเอง และยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี สามารถแอดไลน์ @Fitupbusiness เพื่อพูดคุย ปรึกษา ขั้นตอนการเปิดฟิตเนสสำหรับมือใหม่ ได้ทันที ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย!