
ฟิตเนสเปิดใหม่ มักจะพลาดเหมือนกันอยู่ 3 อย่าง! ถ้าคุณกำลังวางแผนเปิดฟิตเนส ลองอ่านให้จบก่อนที่เงินจะหายไปกับความผิดพลาดระหว่างทาง
หลายคนเริ่มต้นด้วยการลงทุนหลักแสนถึงหลักล้านกับเครื่องออกกำลังกาย ทุกอย่างดูพร้อม เหมือนจะเปิดบริการได้ทันที แต่พอถึงวันจริง กลับไม่มี “ระบบหลังบ้าน” มาช่วยบริหาร เช่น ไม่มีระบบบันทึกข้อมูลสมาชิก, ไม่มีระบบเช็กอินเข้าใช้, ไม่มีสรุปยอดขายต่อเดือน หรือแม้แต่ข้อมูลพื้นฐานอย่าง “ใครสมัครแพ็กเกจไหนไว้บ้าง” ก็อยู่ในกระดาษ หรือไฟล์ Excel ที่แก้ซ้ำไปมา
ตัวอย่างเคสที่เกิดขึ้นจริงในการบริหารฟิตเนส
ฟิตเนสหนึ่งในกรุงเทพฯ ลงทุนเครื่องไปกว่า 2 ล้านบาท แต่ใช้วิธีจดชื่อสมาชิกในสมุด พอพนักงานลาออก ข้อมูลหายไปกว่า 60% ต้องโทรถามสมาชิกใหม่ทีละคน
อีกฟิตเนสหนึ่งไม่มีระบบเก็บข้อมูลการเช็กอิน ทำให้ไม่รู้ว่าสมาชิกคนไหนมาใช้บริการจริง สุดท้ายขายแพ็กเกจเหมาจ่ายไปแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่าสมาชิกใช้งานจริงหรือไม่
ตั้งแต่วันแรกที่เปิดฟิตเนส ควรวาง “ระบบบริหารจัดการสมาชิก” ให้พร้อม เช่น ระบบเช็กอินอัตโนมัติ, ระบบจัดการแพ็กเกจ, หรือระบบหลังบ้านที่เก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในที่เดียว เพื่อให้ทีมงานใหม่สามารถทำงานต่อได้ทันทีโดยไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทุกครั้ง ยิ่งคุณเป็นเจ้าของกิจการฟิตเนสมือใหม่ ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับ Workflow ที่จะเกิดขึ้นในช่วงแรกที่เปิดฟิตเนส เพราะการเปิดธุรกิจใหม่อาจเกิดสถานการณ์ต่างๆ ที่ต้องรับมือหลายสถานการณ์ การมีระบบที่ควบคุมได้ตลอดเวลา จะช่วยให้รับมือกับการแก้ปัญหาหน้างานได้มีประสิทธิภาพ
ฟิตเนสส่วนใหญ่จะมีรายได้หลักมาจาก “แพ็กเกจสมาชิก” แต่เจ้าของฟิตเนสจำนวนมากกลับมองข้ามเรื่องนี้ เพราะไม่มีระบบแจ้งเตือน หรือระบบติดตามสมาชิกที่กำลังจะหมดอายุ บางคนสมัครไว้ปีละ 10,000 บาท แต่พอครบกำหนดก็ไม่มีใครโทรแจ้ง ไม่มีข้อความเตือนใน LINE หรืออีเมล พอรู้ตัวอีกทีลูกค้าก็ไปสมัครยิมใหม่แล้ว
ตัวอย่างเคสที่เกิดขึ้นจริงในการบริหารฟิตเนส
ฟิตเนสขนาดกลางแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ สูญเสียสมาชิกกว่า 30 คนภายใน 2 เดือน เพราะไม่มีระบบแจ้งเตือนวันหมดอายุ ทำให้พลาดรายได้ต่อเนื่องกว่า 300,000 บาท
ฟิตเนสใช้ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติผ่าน LINE OA ให้พนักงานทราบล่วงหน้า 7 วัน เมื่อมีสมาชิกใกล้หมดอายุ ผลคืออัตราการต่ออายุเพิ่มขึ้นกว่า 40% ภายในเดือนเดียว
อย่ารอให้ลูกค้าหมดอายุแล้วค่อยตาม หรือหมดอายุสมาชิกแล้วค่อยมีการพูดคุยกัน ควรมีระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 7-14 วัน เพื่อให้พนักงานสามารถโทรติดตาม หรือเสนอโปรโมชั่นต่ออายุได้ทันเวลา การมีปฏิสัมพันธ์กันในระหว่างที่สมาชิกใช้งานฟิตเนส จะช่วยให้สมาชิกรู้สึกผูกพันกับฟิตเนส รู้สึกว่าสมาชิกได้เป็นคนสำคัญของฟิตเนสที่อยากจะรักษาไว้ การติดต่อหาสมาชิกอยู่เป็นระยะจึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการรักษาฐานลูกค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ปัญหานี้เจอบ่อยที่สุดในหมู่เจ้าของฟิตเนสที่ไม่ได้ใช้ “ระบบบริหารจัดการธุรกิจ” เพราะไม่มีตัวเลขหรือข้อมูลเชิงลึกมาเป็นฐานในการตัดสินใจ คุณอาจคิดว่าคลาสโยคะขายดี เพราะคนพูดถึงเยอะ แต่จริง ๆ แล้ว คลาส HIIT อาจมียอดจองมากกว่าถึงสองเท่า เพียงแต่คุณไม่มี Dashboard ข้อมูลมาสรุปให้เห็นภาพรวม
ตัวอย่างเคสที่เกิดขึ้นจริงในการบริหารฟิตเนส
ฟิตเนสแห่งหนึ่งในชลบุรี พบว่า คลาสที่ขายดีที่สุดไม่ใช่ “Body Combat” อย่างที่คิด แต่คือ “Pilates for Beginners” ซึ่งมีอัตราการจองเต็มทุกสัปดาห์ จากข้อมูลในระบบจองคลาส และเมื่อก่อนไม่เคยดูยอดขายรายเทรนเนอร์ พอมีระบบ Dashboard เลยรู้ว่า เทรนเนอร์หญิงมียอดจองสูงกว่าชายถึง 3 เท่า และสามารถใช้ข้อมูลนี้ไปปรับตารางสอน และออกโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่มได้
ในวันที่ต้องตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนคลาสให้มากขึ้น รับสมัครเทรนเนอร์ ซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายเพิ่ม เจ้าของฟิตเนสควรเริ่มจากใช้ข้อมูลจริงเป็นตัวนำ ไม่ใช่ความรู้สึก ระบบบริหารจัดการฟิตเนสที่ดีควรมี ข้อมูลสรุปยอดขาย การเช็กอิน การจองคลาส และพฤติกรรมของสมาชิก เพื่อให้เจ้าของฟิตเนสวางกลยุทธ์ได้แม่นยำขึ้น เช่น รู้ว่าช่วงไหนยอดจองคลาสตก ควรออกโปรโมชั่น หรือเพิ่มคลาสอะไรให้ตอบโจทย์สมาชิก
เครื่องออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ทุกฟิตเนสมีเหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำให้ธุรกิจแตกต่าง คือ “ระบบจัดการ” ที่ช่วยให้เจ้าของฟิตเนสเห็นข้อมูลทั้งหมดในภาพเดียว ยิ่งคุณรู้ข้อมูลมากเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นยอดขายรายเดือน, พฤติกรรมสมาชิก, หรืออัตราการต่ออายุ คุณก็ยิ่งวางกลยุทธ์ธุรกิจได้แม่นยำขึ้นเท่านั้น